Friday, November 20, 2015
มหากาพย์ ราชฟัด เอ๊ย ราชภักดิ์
ฟ้า พรทิพา หรือเป็นกรรมที่ล้มรัฐบาลพลเรือนเพื่อเชิญทหารยึดบ้านเมือง!!
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1492196627748874&id=1429845097317361
น่าเห็นใจเธอนะ.โทรหากำนันรึยัง
ฟ้า พรทิพา ข่าวเพื่อประชาชน
19 นาที ·
อยากให้ทุกคนอ่าน..,ตอนนี้ช่วงเวลาตีสอง 43 นาที ที่ยังนอนไม่หลับ และยังสับสนที่จะสู้ต่อยังไง บอกตัวเองเสมอ เราเจ็บไม่ได้ตายไม่ได้ และล้มไม่ได้ มาวันนี้ชีวิตเหมือนล้มทั้งยืน เหมือนการทำดีไม่ได้ดี และทำให้เราท้อ แต่บอกตัวเองว่าถอยไม่ได้. เพราะมองหน้าหลานตัวน้อยที่นอนข่าง ๆ กับลูกอีกสามชีวิต ที่ยังรอความหวังจากแม่คนเดียวที่เป็นที่พึ่ง ชีวิตเหมือนละครน้ำเน่า ที่หลายคนอาจไม่เข้าใจ. มาวันที่ทหารบุกบ้าน บุกฟ้าให้ทีวี อ้อนวอนขอร้องจนหมดแรง ว่าอย่าเอาแขนขาครอบครัวเราไป. กว่าจะสร้างมันขึ้นมาได้ เลือดตาแทบกระเด็น มาวันนี้มันหายไปกับการรู้เท่าไม่ถึงการ ผลที่สุดเงินหมด ของถูกยึดไปหมด เพราะเพียงรายการเสียงเสรี ซึ่งเราไม่เคยเห็นด้วยกับการที่จะมาด่าทหาร หรือต่อต้านรัฐบาลทหาร แต่วันที่รายการออกพลาดที่เราไวใจไม่ได้เช็ครายการ ก่อนออกพอมาถึงวันนี้กลายเป็นคนผิด เหมือนถูกตัเแขนตัดขา เมื่อสองวันก่อนท้อถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย.... แต่ต้องหยุดความคิดและข้ามความทุกข์ในวันนั้นมาให้พ้น.., เพื่อแม่ที่แก่แล้ว และลูก 3 คนหลานรักอีก 1 คน ที่ต้องคอยลุกขึ้นชงนมให้กินทุกคืน... ถ้าเราตายไปพวกเขาเหล่านี้จะอยู่ยังไง แถมลูกน้องอีก 20 กว่าชีวิตที่รอความหวังว่าไม่ตกงาน. ชีวิตผู้หญิงตัวคนเดียวที่ต่อสู้ขีวิตมาทั้งชีวิต และสู้เคียงข้างมากับ พธม. กปปส. หลายครั้งที่เกือบตายเพราะกระสุนปืนและระเบิด ในการชุมนุม แต่ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว หมดเงินไปกับการชุมนุมมากมาย แต่มาวันนี้เวลาเราเดือดร้อน โทรหาใครผู้ใหญ่ก็บ่ายเบี่ยงในการช่วย เลยบอกตัวเองว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน..., ไม่โกรธรัฐบาลทหาร ไม่โกรธใคร แต่น้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง...,แต่ไม่พ่ายแพ้ต่อชีวิตทร่เกิดขึ้น จะขอความเป็นธรรมจากสังคมและจาก รัฐบาลทการ เพราะคนคนนี้ต้องอยู่เพื่ออีกหลายชีวิต วิงวอนสังคมที่อาจเข้าใจผิด จงเข้าใจผู้หญิงนักสู้คนนี้ด้วยเถิด.., เขียนออกมาจากใจในยามค่ำคืนที่นอนไม่หลับเพราะความทุกข์หนัก กับการถูกทหารตัดแขนตัดขาไปรอบนี้....รักชาติ รักทหาร สิ่งที่ตัวเองพูดเสมอมา.,, แต่มาวันนี้ทหารบุกบ้าน มายึดของ เครื่องมือที่ทำมาหากินเลี้ยงคนหลายชีวิต มาจบสิ้นพายในพริบตา แถมตำรวจจับเข้าห้องขัง 1 คืน ถามว่าใจสู้ใหมสู้ แต่เงินสับสินหมดแล้ว ชีวิตจะเดินต่ออย่างไร ?
อยากให้ อ่าน ช้า ช้า สบายๆ ให้จบ
แผนลุกตอนที่ 3 วันที่ 20 พฤศจิกายน 2015
Thursday, November 19, 2015
หนังสือลับ ... สรุปรายนามผู้กระทำการทุจริต และผิดมาตรา 112 ประกอบด้วย....
Tuesday, November 17, 2015
Monday, November 16, 2015
||||||:- ดร.เพียงดิน รักไทย 2015-11-17 ชวนคิดชวนลุย ตอน ชนวนสงครามโลกครั้งที่สาม และสงครามกลางเมืองไทย??
Sunday, November 15, 2015
เด๋วนี้เป็นผู้แทนพระองค์มันง่ายจิมๆๆ อิ ๆ
ดร.เพียงดิน 15 พ.ย. 2558 ตอน "ภารกิจศักดิ์สิทธิ์ ที่ประชาชนอภิวัฒน์ ไม่มีทางแพ้"
||||||:- อ.ชูพงศ์ เปลี่ยนระบอบ 15 พ.ย. 58 ปรับยุทธวิธี เพื่อ ยกระดับเงื่อนใขเปลี่ยนระบอบ
Saturday, November 14, 2015
แนวร่วมปัตตานียันต้องการรัฐเอกราช | เดลินิวส์ 27 สิงหาคม 2558
อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/foreign/344472
Wednesday, November 11, 2015
เฟส เพจ กรุงเทพ กรุงเทพ เปิดรายชื่อ ครูฝึก 10 คน ที่รุมทำร้าย พลทหารวิเชียร เผือกสม อายุ 26 ปี จนเสียชีวิต
เฟส เพจ กรุงเทพ กรุงเทพ
เปิดรายชื่อ ครูฝึก 10 คน ที่รุมทำร้าย
พลทหารวิเชียร เผือกสม อายุ 26 ปี จนเสียชีวิต
ภาพแรกคือ ร้อยโท ภูริ เพิกโสภณ (ผู้ต้องหา)
ร้อยโท ภูริ เพิกโสภณ (ผู้ต้องหา)
ร้อยตรี โอม มาลัยหอม (จำเลยที่๑)
สิบเอก สุรศักดิ์ หรือ หรั่ง บุญเมือง (จำเลยที่๒)
สิบเอก กมล หรือ เด่น บัวทอง (จำเลยที่๓)
สิบเอก อาคม หรือ จิ๋ว จังหรีด (จำเลยที่๔)
พลทหาร ฐากูร หรือ แก็บ สมานุกร (จำเลยที่๕)
พลทหาร กิตติพงศ์ หรือ แม็ค โจ้งจาบ (จำเลยที่๖)
พลทหาร เกริกพันธ์ หรือ บอล แกล้วทนงค์ (จำเลยที่๗)
พลทหาร สมัย หรือ หมัย ไกรทิพย์ (จำเลยที่๘)
พลทหาร สาธร หรือ อ้อย เพชรจำรัส (จำเลยที่๙)
พลทหารวิเชียร เผือกสม เขาถูกครูฝึกนับ 10 คนรุมทำร้าย
โดยอ้างต้องลงโทษเพราะพยายามหลบหนี จากหน่วยฝึก 2 ครั้ง
ทั้งการตบหน้า บังคับให้กินพริกสด ลากตัวไปกับพื้นปูน ใช้เกลือทาที่บาดแผล เหยียบหน้าอก ใช้ผ้าขาวห่อตัวเหลือแต่หน้า พร้อมมัดตราสังข์เหมือนศพทั้งที่ยังมีชีวิต
เขายังถูกบังคับให้กินข้าวบนก้อนน้ำแข็ง วางก้อนน้ำแข็งทับหน้าอก
ถูกฟาดด้วยไม้ไผ่จนไม้ไผ่แตก 3 อัน ขาถูกแทงด้วยไม้ไผ่แหลม
ถูกเตะที่ชายโครง หน้าอก กระทืบท้ายทอยจนคางแตก
และเตะใบหน้าจนเลือดออกปาก
พยานในเหตุการณ์เล่าว่า พลทหารวิเชียรก้มลงกราบเท้าครูฝึก
และขอร้องให้หยุดทำร้าย แต่ครูฝึกยังไม่หยุด เสียงร้องอย่างเจ็บปวด สลับกับเสียงกระทืบ ดังจนร้อยโทผู้บังคับหน่วยฝึก ชะโงกหน้า จากอาคารชั้นบนมาดู และพูดว่าอย่าำแรงมากนัก
ครูฝึกจึงพาพลทหารวิเชียรไปทำร้ายต่อบริเวณอื่น หลังถูกรุมทำร้ายนาน 3 วัน พลทหารวิเชียรไตวาย เพราะกล้ามเนื้อบาดเจ็บรุนแรง และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลขณะอายุ 26 ปี
สภาพศพบวมช้ำทั้งตัวจนญาติแทบจำไม่ได้ คือการฆ่าทรมานกลางสถานที่ราชการ ต่อหน้าผู้บังคับหน่วยฝึก ข้าราชการ และทหารใหม่ไม่ต่ำกว่า 200 คน
ผู้ตายคือน้าชายของ นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ หรือเมย์
เธอสูญเสียน้าชายขณะเรียนชั้นปี 2 และหลายครั้งต้องหยุดเรียน
มาเดินเรื่องฟ้องคนฆ่าน้าชาย ซึ่งเต็มไปด้วยอุปสรรคตลอด 4 ปีที่ผ่านมา
ล่าสุดอัยการจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาสำนวนคดี นริศราวัลถ์ ยอมรับว่ามีหลายคนไม่เห็นด้วย
กับการเดินหน้าฟ้องในคดีอาญา เพราะส่วนใหญ่คิดว่า สู้ยังไงก็ไม่ชนะคดี
แต่เธอต้องการสู้เพื่อให้สังคมเห็นว่า ลูกชาวบ้าน ก็ลุกขึ้นมาทวงความยุติธรรมได้
โอละพ่อ... คดีหมิ่นฯ ... ขว้างงูไม่พ้นคอ ทหารใหญ่ คสช. อาจมีเอี่ยวร่วมแดก!!1
Tuesday, November 10, 2015
รอยกรรม หมอหยองและคณะ... แต่พวกเขาสมควรต้องตายเลยหรือ???
ประยุทธ์-ประวิทย์ บอกว่า เหนื่อย...แล้วประชาชนเขาว่าไง?
Monday, November 9, 2015
60 ความเชื่อโบราณที่คนไทยควรรู้ และวิพากษ์วิจารณ์ด้วยเหตุผล
1.) ห้ามใส่ชุดสีดำเยี่ยมคนป่วย เพราะสีดำเป็นสีที่คนโบราณถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความทุกข์โศก การใส่ชุดดำไปเยี่ยมผู้ป่วยนั้นเป็นการแช่งให้ผู้ป่วยตายเร็วขึ้น
2.) จิ้งจกร้องทัก ห้ามออกจากบ้านเด็ดขาด โดยถ้าเสียงนั้นอยู่ด้านหลังหรือตรงศีรษะให้เลื่อนการเดินทางแต่หากเสียง ร้องทักอยู่ด้านหน้าหรือซ้าย ให้เดินทางได้ จะทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นสะดวกสบาย
3.) ตุ๊กแกร้องตอนกลางวัน เชื่อว่าจะมีเหตุร้ายเพราะตามปกติแล้วตุ๊กแกที่อาศัยในบ้านมักจะร้องตอนกลาง คืน ถ้าร้องตอนกลางวันถือเป็นลางบอกเหตุร้าย เนื่องจากคนโบราณเชื่อว่าตุ๊กแกคือ วิญญาณของปู่ย่าตายายที่ตายไปแล้วมาอาศัยอยู่ คอยคุ้มครองลูกหลานจากภัยอันตราย
4.) นกแสกเกาะหลังคาบ้าน จะเกิดลางร้าย เพราะนกแสกเป็นนกที่ถือว่าให้ความอัปมงคล เนื่องจากโดยธรรมชาตินกแสกมักจะไม่มาปะปนอยู่ตามที่อยู่อาศัยของคน
5.) ถ้านกถ่ายรดบนศรีษะ เชื่อว่าจะโชคร้าย หากกำลังจะออกเดินทางแล้วถูกนกถ่ายรดที่ศรีษะซะก่อน ให้หยุดการเดินทางทันที หรือเลื่อนกำหนดออกไปเป็นวันรุ่งขึ้น
6.) เมื่อตัวเงินตัวทองคลานเข้าบ้าน ให้พูดแต่สิ่งดีๆ ไม่ให้ไล่
7.) กลางคืนถ้าได้ยินเสียงร้องทักห้ามขานรับ เพราะเชื่อว่าเป็นเสียงของดวงวิญญาณอาจจะมาหลอนมาหลอกหรือเป็นการเชิญวิญญาณเข้าบ้าน
8.) คนที่มีไฝที่ริมฝีปากล่าง ให้ระวังปากนำเคราะห์ เพราะพูดไม่คิด และมักเป็นคนใจร้อน อารมณ์รุนแรงขาดเหตุผลในการยับยั้งชั่งใจ
9.) คนใดที่มีลักษณะผมหยิกๆ หน้าสั้นคอสั้น มักจะเจ้าชู้ (แต่เป็นความเชื่อขำๆนะ อันนี้ต้องคิดว่าต้องดูต่อจากภายในหัวใจ)
10.) คนใบหูใหญ่มักร่ำรวยและมีบุญวาสนา คนใบหูหนาเป็นคนมีศีลธรรมคนใบหูบางเป็นคนโดดเดี่ยว ไร้บุญวาสนา
12.) คนหัวล้านมักจะเจ้าชู้และเจ้าเล่ห์ ซึ่งได้ต้นแบบมาจากขุนช้างในวรรณคดี ทำให้คนโบราณเชื่อว่า คนลักษณะแบบนี้จะมีนิสัยเหมือนขุนช้าง
13.) เด็กทารกคนใดที่เกิดมาแล้วมีปาน คนโบราณเชื่อว่า ได้เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง (ชาติที่แล้ว) และถูกป้ายด้วยของตำหนิเอาไว้ หากเป็นปานแดงหมายถึงถูกป้ายด้วยปูนแดง และหากเป็นปานดำหมายถึงถูกป้ายด้วยถ่าน
14.) ห้ามปลูกต้นไม้ที่วัดปลูกมาแล้ว (เช่น ไปเอาต้นไม้ที่อยู่ในวัดมาปลูกที่บ้าน) เพราะเชื่อกันว่า ต้นไม้ที่ขึ้นตามวัดหรือนำไปปลูกที่วัดเป็นของสูงและสมควรอยู่ในวัด หากนำมาปลูกที่บ้านจะทำให้บ้านนั้นตกอับ
15.) ห้ามตัดผมวันพุธ เพราะเชื่อว่าการตัดผมวันพุธจะทำให้เกิดอัปมงคลกับชีวิต เพราะอย่างนี้ ร้านตัดผมหลายร้านมักจะนิยมหยุดทำการในวันพุธ
16.) หากตาซ้ายกระตุก เชื่อว่ามีเคราะห์ โชคร้ายผิดหวัง ถ้าตาขวากระตุกถือว่าโชคดี แต่ถ้าเป็นในช่วงกลางคืน ตาขวากระตุกจะไม่ดี จะมีเคราะห์มีเหตุร้ายเกิดขึ้น แต่ถ้าหากเป็นตาซ้ายกระตุกจะมีโชคลาภจากเพื่อน
17.) หากสัตว์ป่าเข้าบ้านเชื่อว่าจะนำความอัปมงคลมาให้ ควรจุดธูปเทียน ดอกไม้และเชิญให้ออกจากบ้าน พร้อมกับขอพรให้นำพาสิ่งดีงามมาให้
18.) ห้ามเผาศพวันศุกร์ เพราะคนโบราณถือว่าการเผาศพในวันศุกร์จะให้ทุกข์กับคนเป็นญาติ เนื่องจากวันศุกร์เป็นวันแห่งโชคลาภ เหมาะกับงานมงคลมากกว่า
19.) ในขณะที่กำลังสางผม หากหวีเกิดหักคาผม จะเกิดเรื่องไม่ดีตามมา ให้นำหวีนั้นทิ้งไปเลย (ซื้อมาเป็นพันเป็นหมื่นก็อย่าเสียดาย) ไม่ให้เก็บไว้ใช้หรือนำไปซ่อมมาใช้ใหม่
20.) ตอนกลางคืนถ้าได้กลิ่นธูปลอยมา คนโบราณเชื่อกันว่า เป็นวิญญาณของญาติสนิทภายในครอบครัวมาหา
21.) ผึ้งทำรังในบ้าน เชื่อว่ามีโชค อย่าไปไล่หรือทำลายเด็ดขาดเพราะอาจจะทำให้เกิดความหายนะ เพราะผึ้งเป็นแมลงนำโชคที่ขยันการทำงาน
22.) การปลูกต้นว่านชี้ชะตาได้ โดยถ้าต้นว่านเจริญงอกงาม ทำนายว่าการค้าจะงอกงาม แต่ถ้าต้นว่านแห้งเ่ยว ทำนายว่าการค้าจะไปไม่รอด
23.) ก่อนออกจากบ้านให้ตั้งสติและก้าวเท้าขวาออกก่อนเท้าซ้าย จะนำโชคดีมาให้ เพราะเชื่อว่าร่างกายมนุษย์เป็นพลังงานลบที่อ่อนแอกว่าด้านขวา
24.) หากนั่งล้อมวงกินข้าวกันอยู่ และเกิดมือชนกันขณะเอื้อมไปตักกับข้าว เชื่อกันว่าจะมีแขกมาเยือนให้เตรียมตัวต้อนรับ
25.) อย่าเคาะจานข้าว เพราะเชื่อว่าจะเป็นการเรียกวิญญาณที่พเนจร เมื่อได้ยินเสียงเราเคาะจาน ก็จะพากันมาแย่งเรากินข้าว (บางคนกินข้าวจะรู้สึกว่ากินไม่อิ่ม)
26.) กลางคืนห้ามกวาดบ้าน เพราะเชื่อว่าจะเป็นการกวาดเงินกวาดทองที่สะสมมาตั้งแต่ตอนเช้าออกไปหมดซึ่ง อาจเป็นได้ว่าเมื่อก่อนไม่มีไฟฟ้าตอนกลางคืนมืดมาก การกวาดบ้านตอนกลางคืนจึงไม่ปลอดภัย
27.) ไม่ควรมีรูปภาพหรือรูปปั้นยักษ์ประดับตกแต่งบ้าน เพราะจะทำให้คนในบ้านทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยและทำให้มีแต่เรื่องเดือดร้อน
28.) อย่าตั้งเตียงนอนโดยเอาหัวเตียงหันไปชนกับห้องน้ำ เพราะจะทำให้โชคลาภหนีหาย และอย่าตั้งเตียงนอนโดยหันปลายเตียงตรงกับประตูทางเข้าพอดี เพราะจะทำให้ฝันร้าย
29.) การแบ่งอาหารและน้ำให้แก่สุนัขหรือแมวจรจัดที่หิวโหย หรือการให้ที่พักพิงแก่สัตว์เหล่านี้ในวันฝนตกเป็นอานิสงส์มหาศาล
30.) อย่าปล่อยให้ครัวสกปรก เพราะจะทำให้อับโชค ขาดเงิน ขาดทอง
31.) อย่าให้ของขวัญคนรักหรือเพื่อนสนิทเป็นผ้าเช็ดหน้า เพราะถือว่าเป็นลางไม่ดี หากมอบให้แล้วจะถือว่าเป็นลางต้องจากกันหรือมีเรื่องทะเลาะกัน
32.) ถ้าปล่อยให้กระจกในบ้านขุ่นมัว จะทำให้ดวงชะตาของคนในบ้านจะหม่นหมองทำอะไรก็ไม่ขึ้น จึงต้องหมั่นเช็ดกระจกสม่ำเสมอ
33.) วันโกน วันพระวันเกิด และวันเข้าพรรษา ควรงดมีเพศสัมพันธ์ เพราะถือว่าเป็นวันบิรสุทธิ์ (คนที่อยู่ในวัยเรียนอย่าแม้แต่จะคิด)
34.) หากเดินไปเจอเหรียญตกให้เก็บเป็นเหรียญนำโชค หากมองผ่านเลยไป จะเหมือนเป็นการดูถูกเงินน้อย ทำให้อับโชคในช่วงเวลานั้นๆ (เก็บให้ตำรวจก็ดีนะเออ)
35.) การสวมแหวนนิ้วกลางข้างขวา ถือเป็นการเสริมดวงการเงินและบารมี ส่วนการสวมแหวนนิ้วนางหรือนิ้วก้อยถือเป็นการเสริมเสน่ห์และเสริมดวงความรัก
36.) ห้ามสาวโสดร้องเพลงในครัว เพราะจะทำให้มีแฟนเป็นคนแก่ หรือหาแฟนไม่ได้ แต่ถ้าตำครกเสียงดัง จะมีหนุ่มมาสู่ขอ
37.) การทำบุณโลงศพอนาถาที่ไร้ญาติ จะเสริมชะตาของเราให้กล้าแข็ง ทำให้ทุกข์และเคราะห์เบาบางลงไปได้
38.) ควรหมั่นดูแลหิ้งพระให้สะอาดสม่ำเสมอ ไม่อย่างนั้นจะถือว่าเป็นการทำให้เกิดความอับโชคหรือเสื่อมลาภ เสื่อมยศได้
39.) ในบ้านควรมีไข่และส้มในตะกร้าเสมอ เพื่อเรียกความสมบูรณ์พูนสุขเข้าบ้าน
40.) ห้ามหญิงมีครรภ์ไปงานศพ เพราะเกรงว่าวิญญาณจะสามารถเข้าไปรบกวนทารกในครรภ์ ทำให้เกิดอันตรายได้
41.) ห้ามนอนหันหัวไปทางทิศตะวันตกจะทำให้นอนฝันร้าย ตื่นขึ้นมาไม่สดชื่น
42.) ถ้าสร้อยคอขาดออกจากคอหรือหลุดออกมา จะมีเหตุให้พบเรื่องร้าย
43.) ห้ามทักเด็กแรกเกิดที่ยังเล็กว่าน่ารัก เพราะอาจทำให้วิญญาณอิจฉา ลักพาตัวไป
44.) ห้ามตัดเล็บกลางคืน วิญญาณบรรพบุรุษจะอยู่ไม่เป็นสุข เพราะสมัยก่อนการตัดเล็บจะใช้มีดเจียนหมาก หรือมีดเล็กๆ จึงห้ามตัดเล็บในเวลากลางคืน เพราะอาจะเป็นอันตราย
45.) จะก้าวขึ้นหรือลงบันได ให้ก้าวทีละก้าวทีละขั้น อย่าก้าวทีเดียวสามชั้น จะทำให้ทำมาหากินไม่สำเร็จ เหมือนไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ให้ค่อนเป็นค่อยไป อย่าทำอะไรที่ให้เกินความสามารถ หรือข้ามขั้นตอน
46.) ห้ามหญิงท้องไปดูคนคลอดลูกจะทำให้คลอดลูกยาก เพราะหากหญิงมีครรภ์ไปดูคนอื่นคลอดลูกแล้วเห็นภาพอาการเจ็บปวดของการคลอดอาจ จะทำให้กลัวและเกิดอาการเสียขวัญ
47.) โต๊ะเครื่องแป้งที่มีกระจกเงา หรือบางกระจกเงาทั้งหลาย ไม่ควรนำมาวางตั้งให้ตรงกับปลายเตียงหัวเยงหรือเหนือเพดาน เพราะจะทำให้หมกหมุ่นอยู่กับเรื่องเพศ นอนหลับไม่สนิท และมักฝันร้ายอยู่บ่อยๆ
48.) ฝนตั้งเค้า ให้ปักตะไคร้คว่ำลงดินกลางที่โล่งแจ้ง จะทำให้ฝนหยุดตก
49.)อย่าลูบศรีษะของเด็ก โดยเฉพาะเด็กไทย เพราะศีรษะถือเป็นส่วนศักดิ์สิทธิ์ไม่ควรให้ใครลูบเล่น
50.) ฝันว่างูรัด ทำนายว่าคนโสดจะได้พบเนื้อคู่เร็วๆนี้ฝันว่างูกัดทำนายว่าศัตรูเพศตรงข้ามจะคิดร้ายหรือได้รับเคราะห์จะเพื่อนบ้าน
51.) ฝันเห็นคนตายหรือศพ ทำนายว่าจะได้ลาภจากเสี่ยงโชค
52.) ฝันว่าฟันหักทำนายว่าจะสูญเสีย โดยถ้าฝันว่าฟันบนหัก ทำนายว่า จะเสียญาติผู้ใหญ่ข้างฝ่ายบิดา ถ้าฟันล่างหัก ทำนายว่าจะเสียญาติผู้ใหญ่ข้างมารดา
53.) ฝันว่าจูบกับคนรัก จะได้รับเคราะห์เล็กๆน้อยๆจากคนใกล้ตัว
54.) ห้ามฉลองก่อนวันเกิด เพราะอาจหมายถึงการรีบเร่งไปสู่ความตาย
55.) ภายในบ้านไม่ควรมีประตู 3 บาน ตรงกันหรือเหลื่อมล้ำตรงกันเพียงนิดเดียว เพราะเป็นสัญลักษณ์ของประตูจาก 3 โลก ทำให้วิญญาณเดินผ่านมาได้
56.)คางคกขึ้นบ้านถือเป็นลางดี แสดงว่าบ้านนั้นกำลังจะมีโชค
57.) มือซ้ายกระตุก เชื่อว่ามีลางร้ายมีเหตุจะต้องเสียเงินเสียทองมือขวากระตุกเชื่อว่าเป็นลาง ที่ดีมาก จะได้รับโชคลาภ และอาจได้ลาภลอยจาการเสี่ยงโชค
58.) ถ้านกในกรงที่เลี้ยงไว้ร้องในเวลากลางคืนเชื่อว่าจะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง
59.) ผู้หญิงระหว่างมีประจำเดือน ไม่ควรก้าวล้ำไปในวัด เพราะอาจก่อให้เกิดความอัปมงคล
60.) ความฝันในตอนเช้ามักเป็นความจริง เพราะคนโบราณเชื่อว่าเทวดามาโปรดสัตว์ซึ่งเคยเป็นญาติมิตรของเรานั่นเอง
ทหารไทย (ระดับนำ) วันนี้... โหด เลว และ โกหก ตอแหล ไม่แพ้ใครในโลก
หยุดดัดจริตประเทศไทย
มีข่าวลือว่าหมอหยองโดนจับ พวกคสช.แถลงว่าไม่โดน
สุดท้ายก็โดนจับจริงตามข่าวลือ
ประวุฒิกับอคชาติมีข่าวหนีพร้อมลาออก กองทัพยืนยันว่าไม่จริง
สุดท้ายลาออกจริงก็หนีไปต่างประเทศพร้อมโดน 112
บอกสารวัตรเอี๊ยดไม่ได้ตายตามข่าวลือ สุดท้ายก็ตายจริงคาคุกทหาร ด้วยการผูกคอให้ห้องผนังปูนปิดตาย 4 ด้าน
พลตรี พิสิฐศักดิ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ที่มีข้อมูลว่าตายก่อนหมอหยองโดนจับ สุดท้ายก็บอกแค่ว่าผิดร้ายแรง ถอดยศเครื่องราช และไม่น่ามีชีวิตรอด
กลายเป็นว่าข่าวลือคือความจริงที่ไม่ถึงเวลา
และคำแถลงของ พวก คสช. คือคำโป้ปดมดเท็จต่อประชาขน
การตายของสารวัตรเอี๊ยดและหมอหยองรวมถึงพลตรี พิสิฐศักดิ์นั้นเต็มไปด้วยปริศนามากมาย
มันน่าแปลกใจจริงๆ ... ตายในค่ายทหาร เรือนจำลึกลับ ห่างไกลสายตาสังคม ตั้งอยู่ในค่ายทหาร เรียกว่าคุกทหารก็ว่าได้
คนคุมเป็นทหาร คนพบศพหยองและเอี๊ยดก็คือทหาร
คนบอกว่าหยองตายก็เป็นทหาร
ที่น่าสนใจกว่าคือ คนถูกหยองซัดทอดก็เป็นทหาร ..คนที่จะซวยเพราะหมอหยองกำลังซัดทอดก็ดันเป็นทหาร ..
ตรวจสอบอะไรไม่ได้เลย เพราะทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหยองและเอี๊ยดทั้งหมดเป็นทหาร...บังเอิญจริงๆ
@หยุดดัดจริตประเทศไทย https://www.facebook.com/stopfakethailand/photos/a.414343421995746.1073741828.413982712031817/898723153557768/?type=3&theater
กรรมตามสนอง นายทหารชั่วที่เคยสังหารพี่น้องเสื้อแดง ???
Sunday, November 8, 2015
ข่าวรั่ว...กรณีหมอหยองตายนะผมรู้มานานแล้ว
โอคุณพระช่วย!!! รมว.ยธ.แถลงยอมรับ “หมอหยอง” ติดเชื้อในกระแสเลือด ตายที่รพ.ราชทัณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. เวลา 22.00 น.
ว่าเขาอิเหนาเลวเอง...ทหารที่หลบหนีคดี ตอนนี้ ล้วนเป็นคนของ คสช.ทั้งสิ้น!!!
กองกำลังนานาชาติ ของสหประชาชาติ มีอำนาจเข้าไทย เพื่อหยุดยั้งการฆ่าประชาชน จริงหรือ?
มีการกล่าวกันว่า เมื่อมีกองกำลังต่างชาติ โดยองค์การสหประชาชาติ ยกเข้ามาจัดการ ในการแก้ปัญหาของ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ที่ประเทศไทย แก้ไขไม่ได้
๑. โดยกล่าวหาว่า"นานาชาติ เข้ามาเสือก ในกิจการภายในของประเทศไทยนั้้น " ตรงนี้ผมต้องขออธิบายสักนิด
๒. แต่เดิมนั้น "รัฐทุกรัฐ สามารถอ้างเหตุ เรื่องการแทรกแซงกิจการภายใน ของตนได้ เป็นไปตาม Classic International Law ในเรื่อง อำนาจอธิปัตย์ แห่งรัฐ หรือ State's Sovereignty" จึงเกิดการฆ่ากันแหลกราน
๓. ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง (เดือนกันยายน ปีค.ศ.1938 อังกฤษ และ ฝรั่งเศส ประกาศสงครามกับ ประเทศเยอรมันนี ในกรณีของดานซิกซ์ ในโปแลนด์) จนนำไปสู่การละเมิดกฏเกณฑ์สนธิสัญญา กรุงเฮก ปีค.ศ. 1899 - 1907, สนธิสัญญากรุงเจนีวา ปีค.ศ.1925 จนนำไปสู่การฆ่า และ ทรมานเชลยศึก ไปจนถึงการฆ่าฟันพลเรือน (ชาวยิว, โปแลนด์ ยิปซี พวกสล๊าฟ ตายนับล้านๆ)
๔. ซึ่งเราเรียกการทรมานและการฆ่าว่า "เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ในเอเชีย ก็เมื่อกองทัพลูกพระอาทิตย์ ฆ่าชาวจีน ฟิลิปปินส์ ตายรวมแล้ว หลายล้านคน
๕. ในโซเวียตรุสเซีย เมือสตาลินใช้นโบบาย กำจัดศัตรูคู่แข่ง ที่เห็นตรงข้ามตน คนต้องล้มตายไม่ต่ำกว่า สองถึงสามล้านคน
๖. ด้วยเหตุนี้ หลังสงครามโลกครั้งที่สอง บรรดานายพลนาซี เยอรมัน และญี่ปุ่น จึงต้องถูกประหารชีวิต เพราะ กระทำการขัดต่อ ข้อห้ามของ โลก ในการใช้กำลังและ อาวุธ รวมทั้ง ทหารเพื่อเข่นฆ่าผู้คน ตาม the London Charter, 1938 (สนธิสัญญานี้ยังไม่ถูกยกเลิก แต่พักการใช้)
๗. ในเวลาต่อมาเกิด เป็นสนธิสัญญาป้องกัน และ ลงโทษ ต่อผู้กระทำความผิดอาญาในฐาน การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ปีค.ศ.1951 และ มีสนธิสัญญาว่าด้ว การการทรมาน ปีค.ศ.1984 และสนธิสัญญาที่เกี่ยวกับ การขจัดการ การเหยียดเผ่าพันธุ์ทุกรูปแบบ รวมทั้งสนธิสัญญาว่าด้วย เรื่องการขจัดการกระทำ ที่เป็น Apartheid
๘. แม้กระนั้น ก็เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ขึ้นในหลายๆแห่ง บนพื้นพิภพนี้ เช่นในเอธิโอเปีย อิรัค ลิเบีย ไฮติ บอสเนีย เฮอร์เซ โกวีน่า ราวันด้า และ ซูดาน จนคณะมนตรีความมั่นคงของ องค์การสหประชาชาติ ต้องจัดตั้งศาลอาญาพิเศษ ขององค์การสหประชาชาติในปีค.ศ.1994 - 1995
๙. ตามข้อบัญญัติที่ 827(1993), ที่ 627 (1994) และ ในเวลาต่อมาเกิดสนธิสัญญากรุงโรม หรือ Rome Statue,1998 เพื่อลงโทษแก่ ความผิดอาญา ฐานการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และ ความผิดในฐาน เป็นปฏิปักษ์ต่อมนุษยชาติขึ้น ในศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ the International Criminal Court หรือ ศาล ICC ตามคำร้องขอของชาติสมาชิก โดยให้องค์การสหประชาชาติ เป็นสปอนเซอร์ ในการจัดตั้งศาลอาญาถาวรขึ้น
๑๐. ในที่สุดเมือปีค.ศ.1991 องค์การสหประชาชาติ เริ่มก่อตั้งคณะกรรมการป้องกันการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ขึ้น ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางกฏหมาย เป็นส่วนใหญ่ และ ประกาศนโยบายนี้สำเร็จ เป็นผล ในปีค.ศ.2004
๑๑. ซึ่งเนื้อใจใจความก็ "เพื่อก่อให้เกิด การใช้อำนาจของ การร่วมกลุ่ม เพื่อขจัดกวาดล้างแก่ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ที่เกิดขึ้น ในรัฐเจ้าของพลเมือง และ รัฐนั้นๆ ไม่ทำหน้าที่ปกป้องพลเมืองของ ตนเอง จากการฆ่าเช่นว่านั้น
๑๒. จึงให้สิทธิแก่ รัฐข้างเคียง และ รัฐอื่นๆ รวมตัวกัน เข้าปกป้องพลเมือง ของรัฐ ที่เป็นเจ้าของพลเมือง โดยการยกกองกำลังทหาร เข้าไปสอดแทรก การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ที่เกิดขึ้นอยู่ ในขณะนั้นได้"
๑๓. นี่จึงเป็นการสิ้นสุดของ หลักอำนาจอธิปัตย์สูงสุด และ เด็ดขาด ของรัฐ ตาม Classic International Law และหลักการบางส่วนของ Peaceful Co - Existence ที่นำเสนอโดยปูโทรส ปูโทรส กาลี อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ในปีค.ศ.2000
๑๔. ด้วยเหตุดังได้กล่าวมานี้ ในวันนี้ การใช้กองกำลัง เข้าไปขจัด กวาดล้าง การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ที่เกิดในรัฐใดๆ จึงกระทำได้ และ ไม่ถือว่า "เป็น การแทรกแซงต่อ กิจการภายใน ของรัฐ ผู้ก่อเกิด การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เช่นว่านั้นๆ ในเมื่อรัฐนั้นๆ มีอำนาจ ที่จะป้องกัน กลับ ไม่ให้การป้องกัน แก่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ต่อพลเมืองของ ตนเอง เช่นที่ว่ามานี้
เอวัง ก็มีด้วยประการ ฉะนี้.
พรรคซูจีนำลิ่วทิ้งห่างในย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ ตองอู รัฐมอญ จนถึงกะฉิ่น รัฐชาน
|
| |||
8 พฤศจิกายน 2558 21:11 น. (แก้ไขล่าสุด 9 พฤศจิกายน 2558 00:50 น.) |
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000124371 |
|
BBC เผยนิตยสารไฟแนนเชี่ยลไทม์วิจารณ์คนไทยหมดอาลัยตายอยากกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศ.
ดร. ทักษิณ ชินวัตร มีผลงานจับต้องได้ จริงหรือ???
Saturday, November 7, 2015
# #ข่าวที่ไม่เป็นข่าวในเมืองไทย ทูตบอยซ์ถูกแฉว่าพัวพันกับการค้าประเวณีเด็ก
# #ข่าวที่ไม่เป็นข่าวในเมืองไทย
ทูตบอยซ์ถูกแฉว่าพัวพันกับการค้าประเวณีเด็ก
ราล์ฟ แอล. บอยซ์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ผู้มีสัมพันธ์อันดีกับกองทัพและกลุ่มชนชั้นสูง (ผู้ชักจูงให้ทางการวอชิงตันมีนโยบายถ้อยทีถ้อยอาศัยกับคณะรัฐประหารปี 49 และเป็นกระบอกเสียงของฝ่ายนิยมเจ้าในการโจมตีทักษิณ) ถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับการค้าประเวณีเด็กทั้งก่อนและระหว่างเป็นทูตประจำ ประเทศไทย
"Following his tour as ambassador, Boyce left the foreign service, early, before his scheuled retirement, amid rumors that he was a figure in the international traffic in women and children and that he planned to resume lobbying in Thailand for American alcohol, tobacco and pharmaceutical interests. "
Diplomats in Pedophile Scandal
bsltaocnke.tripod.com/
/////////////////
December 7-9, 2007 -- New Australian documentary on Bali bombing
A new Australian documentary features the complicity of then-US ambassador to Indonesia Ralph "Skip" Boyce in the Bali bombings in 2002. WMR was investigating Boyce, now ambassador to Thailand, for his involvement in the cover-up of the role of US diplomats in Southeast Asia, including Thailand, in providing children for sexual trysts with visiting U.S. officials, including Republican members of Congress. It was Boyce who helped arrange for John Mark Karr's hasty retreat from Bangkok to the United States after Karr's arrest.
The diplo-pedo cover-up includes current Deputy Secretary of State John Negroponte, who has a major conflict of interest in the misuse of orphanages in the region for purposes of sex between Western VIPs and minors.
http://video.google.com/videoplay?docid=2246973658225588456
////////////////
Monday, July 08, 2013
CHILD SEX AND TOP AMERICANS
Ralph Boyce, former US ambassador.
Allegedly, Ralph 'Skip' Boyce "conspired with pedophiles and traffickers in women and children to traffic prostitutes and children to Europe and the United States."
Diplomats in Pedophile Scandal
Ralph Boyce was the US ambassador to Indonesia at the time of the Bali Bombing, which some believe was the work of the US government.
"After the 2002 terrorist car bombings in Bali, orphaned children fell prey to foreign pedophiles." pedophile cases et alia
Boyce was United States Ambassador to Thailand from 2004 to 2007.
In 2008, Boyce became President of Boeing Southeast Asia.
An American Christian missionary in Thailand. arthur zbygniew: thailand: pedophilia
In August 1995, Christopher Richard, of the American Embassy in Bangkok, "conspired with pedophiles in Belgium, Thailand and United States to traffic a young Thai child to pedophiles in Belgium...
"The child's mother, a Lao woman who worked as a bar maid, was part of a criminal gang of pedophiles, pimps and prostitutes operating in the notorious Thai resort town of Pattaya and in Antwerp, Belgium.
'A child abuser arrested in Pattaya', the city where the CIA meets its al Qaeda friends.
"The child was procured to a pedophile and child trafficking gang in Belgium shortly afterward. His fate is unknown.
"Traffickers in children, operating with the complcitiy of Belgian and Thai officials of local government and NGO's and international agencies, including the local branches of the Red Cross and UNICEF, have obstructed the family's efforts to trace the child.
"Ralph Boyce ignored complaints about Richard's misconduct..."
Diplomats in Pedophile Scandal
Boy prostitute in Bangkok.
"There is evidence that Boyce, Richard, Furey and another consular official, Paul O. Mayer, were involved with international criminal gangs, including La Cosa Nostra and Chinese triads, in trafficking and procuring women and children for prostitution."
Diplomats in Pedophile Scandal
US Embassy, Bangkok
"Former Jakarta Post editor Finnegan is well aware of Boyce's modus operandi...
"State Department sources ... cite one example of a U.S. diplomat in Phnom Penh, Cambodia who was openly living with two underage boys - one Cambodian and the other Lao.
"After being transferred to the U.S. embassy in Bandar Seri Begawan, Brunei, his secret was discovered....
"He now serves at the American embassy in Dhaka, Bangladesh, a hornets' nest for pedophiles operating bordellos filled with child prostitutes.
Thai Embassy Sex Scandal - bangkokscore.com
"According to a higher education source in Thailand, one ... American procurer who worked for an American university in Thailand ... procured young boys for orgies, many of them pre-teen children mostly from the Muslim south.
"He had worked for an American university in Malaysia. The procurer drove young boys in a station wagon from the south of the country to Bangkok for parties with his friends and important American clients...
Thai Embassy Sex Scandal - bangkokscore.com
The US has a presence in Thailand.
On 1 September 2009, Wayne Madsen wrote about child abuse involving people linked to the US government.
(http://arthurzbygniew.blogspot.com/…/thailand-pedophilia-us…)
According to Wayne Madsen:
1. There are reports that Blackwater had a camp in Baghdad where Iraqi children were used as prostitutes.
2. Reportedly people linked to private security companies search for kids in Thailand's bars and alleyways.
3. Reportedly the US embassy in Bangkok would arrange meetings between child prostitutes and visiting American VIPs.
4. Robert Finnegan was editor of the Jakarta Post at the time of the first Bali Bomb.
(Finnegan clashed with Ralph Boyce, the then U.S. ambassador to Indonesia, and got sacked. Reportedly, Finnegan had produced evidence linking the Bali Bombing to the CIA. aangirfan: The Bali Bomb, Ralph Boyce and Robert Finnegan)
Ralph Boyce became ambassador to Thailand.
"Finnegan said that while he was with the Jakarta Post, he became aware that Boyce, while ambassador in Jakarta, used the services of two known local procurers of child prostitutes and sex slaves.
"They were both Indonesian nationals; one was a CIA asset operating as a businessman and the other was a journalist."
Boyce
5. "The U.S. embassy in Bangkok is at the center of the State Department's pedophile activities in Asia.
"According to journalistic sources posted to the region, the pedophilia activity has centered around Ambassador Ralph Boyce...
(See also: Diplomats in Pedophile Scandal)
6. Reportedly, Boyce took early retirement in 2007.
7. Reportedly, "Thai children who are preyed upon for sex are killed and their bodies are disposed of after they are abused.
"The bodies are dumped in clusters of five to ten at a time.
"While Boyce was U.S. ambassador to Jakarta, there were reports of similar murders of children used as prostitutes with their skeletal remains later being discovered in caves in Bali and Java."
"After the Vietnam war, expatriate American drunkards, druggies, pederasts, and killers produced by the Vietnam morass found haven in small bars in red light districts of Bangkok and Pattaya Beach.
"One such bar is the Madrid in the Patpong District of Bangkok.
"One long-time employee recalled some of the most famous and infamous veterans of America's secret wars in Laos and Cambodia.
"She recalled such names as CIA agent Jack Shirley, Golden Triangle middleman Richard Armitage (who she referred to as "Dick"), and various CIA officers stationed at the U.S. embassy in Bangkok."
Asian PedoGate Scandal Americas Most Indidious Scandal ...
American Diplomats in Pedophile Scandal - Tripod
จาก http://abundanthope.net/…/CHILD-SEX-AND-TOP-AMERICANS_print…
#TV24 “อนุตตมา” ติงเลื่อนเลือกตั้ง กระทบเศรษฐกิจ-นักลงทุนไม่มั่นใจ
TV24 สถานีประชาชน กับ อนุตตมา อมรวิวัฒน์(จิ๊บ)
#TV24 "อนุตตมา" ติงเลื่อนเลือกตั้ง กระทบเศรษฐกิจ-นักลงทุนไม่มั่นใจ
วันที่ 5 พฤศจิกายน 2558 นางสาวอนุตตมา อมรวิวัฒน์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่อัตราเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่องเป็นระยะเวลาตลอด 10 เดือน ทำให้ติดลบมีอัตราเงินเฟ้อติดลบแล้ว 0.89% ดังนั้น ที่บอกว่าเศรษฐกิจปีนี้จะโต 2% กว่า นั้นที่ว่าต่ำแล้ว จริงๆ แล้ว แทบจะไม่โตเลยด้วยซ้ำ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไปที่ไหนก็มีแต่คนบ่นเรื่องเศรษฐกิจย่ำแย่ ลำบากกันถ้วนหน้า อีกทั้งแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งการใช้จ...่ายและการลงทุนของทีมเศรษฐกิจรัฐบาล แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ซึ่งพิสูจน์ได้จากตัวเลขที่ออกมาแล้ว และที่กำลังจะออกมา โดยล่าสุด ที่รัฐบาลมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ของบีโอไอให้มากขึ้น โดยหวังจะเพิ่มการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งอาจจะแก้ไม่ตรงจุด เพราะหากการลงทุนไม่เพิ่มขึ้นเพราะนักลงทุนต่างประเทศไม่ลงทุนเพราะกลัวถูก แซงชั่น เนื่องจากไทยไม่เป็นประชาธิปไตย มีความเสี่ยงสูงในการจะมาลงทุน นโยบายไม่แน่ชัด และสับสนเรื่องการปิดประเทศ ไม่ว่าจะลดแลกแจกแถมอย่างไร เขาก็ไม่เสี่ยงมาลงทุน ที่ต้องลงทุนอยู่แล้วก็เพราะจำเป็น เนื่องจากต้องขยายจากเดิมที่ได้ทำไว้แล้ว
ดังนั้น การเพิ่มสิทธิประโยชน์อาจจะทำให้รัฐได้ผลตอบแทนลดลง แต่การลงทุนไม่เพิ่มขึ้น แนวทางการแก้ไขที่ถูกน่าจะเป็นการสร้างความมั่นใจที่นักลงทุนต่างประเทศคาใจ อยู่ คือ เรื่องวันเลือกตั้งที่แน่นอน ไม่ใช่เลื่อนไปเรื่อยๆ และการไม่ปิดประเทศ มากกว่าที่จะลดแลกแจกแถม ส่วนการช่วยเหลือประชาชนก็อยากให้ช่วยอย่างเท่าเทียม จะช่วยชาวสวนยางก็ให้ช่วยชาวนาในสัดส่วนเดียวกันด้วย โดยชาวนายังต้องเจอภัยแล้งเพิ่มเติมอีก และในขณะที่รัฐบาลช่วยคนรวยและคนชั้นกลาง เรื่องการออมโดยงดเก็บภาษี LTF อีก 3 ปี ก็อยากให้รัฐหาทางช่วยผู้มีรายได้น้อยด้วย ซึ่งอย่าว่าแต่จะออมเลย ขนาดแค่ประทังชีวิตตัวเองและครอบครัวก็ยังไม่เพียงพอเลย
http://www.tv24.in.th/2015/11/blog-post_20.html
ดูเพิ่มเติม
รูปภาพของ TV24 สถานีประชาชน
ระวัง!!! แล้งหน้า กลัวว่าจะเผาจริง
ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี
·
แล้งหน้า กลัวว่าจะเผาจริง
เอาอีกแล้ว จำนำข้าวกลายเป็นสาเหตุของน้ำแล้งปีนี้ไปจนได้ (หยุดจำนำมา 2 ฤดูฝนแล้วนะครับ) ปีที่แล้วเดือนเมษายนก็หาว่ากลัวน้ำท่วมรัฐบาลเก่...าเลยระบายน้ำทิ้งทำให้ เกิดภัยแล้ง ดีแต่อดีตอธิบดีกรมชลประทานออกมาแก้ตัวว่า ไม่ได้พูดอย่างนั้นเรื่องจึงจบไป (ตอนนี้กำลังเป็นแฟชั่น คือ พูดแล้วบอกไม่ได้พูด) ที่จริงผมก็เกรงใจไม่อยากต่อปากต่อคำ แต่ได้รับคำเตือนว่า หากไม่อธิบายความจริงต่อสาธารณะ ก็อาจจะเกิดความเสียหายถึงขั้นมีคดีไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ ดังนั้นจึงขอให้ข้อมูลโดยสังเขป ดังนี้
(1) เมื่อมีการควบคุมอำนาจ (22 พฤษภาคม 2557) คณะคสช/รัฐบาลมีน้ำอยู่ในมือ 214,638 ล้านลูกบาตรเมตร (ลบ.ม.) แบ่งเป็นน้ำในเขื่อน 35,773 ล้านลบ.ม. และน้ำท่า (หนอง บึง แม่น้ำ ลำคลอง) อีกประมาณ 180,000 ล้านลบ.ม. ซึ่งรวมแล้วเป็นปริมาณมากกว่าในเดือนเดียวกันของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เสียอีก (33,733 ล้านลบ.ม.) แต่เป็นเพราะการบริหารไม่แม่นยำและคาดการณ์ผิดว่าฝนจะตกตามปกติ จึงเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงต้นปี 2558
(2) ตัวอย่างเฉพาะเขื่อนภูมิพล ในช่วงรัฐบาลท่านอภิสิทธิ์ในปี 2552 มีการใช้น้ำ 53% ครั้นปี 2553 ก็ได้ใช้ 42%จากที่มีอยู่รัฐบาลท่านยิ่งลักษณ์ในปี 2554 ได้ใช้น้ำ 45% จากที่มีอยู่ พอปีที่สอง คือ ปี 2555 ได้ใช้น้ำ 33% จากการเก็บน้ำและในปีที่สาม คือ ในปี 2556 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายก็ได้ใช้น้ำ 52% จากที่มีอยู่
ส่วนรัฐบาลท่านพล.อ.ประยุทธ์ในปีแรกของท่าน คือ ในปี 2557 ท่านได้ใช้น้ำไป 67% และในปีนี้ 2558 ใน 10 เดือน ท่านได้ใช้น้ำจากเขื่อนไปแล้ว 43% ตัวเลขเหล่านี้จึงเป็นการยืนยันว่า ทุกรัฐบาลได้ใช้น้ำในปริมาณที่ใกล้เคียงกัน เพราะถูกกำกับและควบคุมโดยคณะกรรมการจัดสรรน้ำซึ่งเป็นของฝ่ายข้าราชการ ประจำ มีขบวนการควบคุมการเก็บกักและระบาย (Rule Curve) ตามหลักวิชาการที่แม่นยำ ดังนั้นจึงไม่มีรัฐบาลไหนไปสั่งเก็บ สั่งระบายตามใจชอบ ตามความต้องการเฉพาะของตนได้เด็ดขาด
ในแวดวงวิชาการมีการคาดการณ์ว่าปี 2559 จะเป็นปีที่แล้งที่สุดในรอบ 50 ปี ของประเทศไทย เพราะจะมีน้ำให้ใช้สอยจากเขื่อนต่าง ๆ เพียงไม่เกิน 17,000 ล้านลบ.ม. และน้ำท่า คือ น้ำในแม่น้ำลำคลองก็จะมีอยู่อย่างจำกัด ไม่เกิน 100,000 ล้านลบ.ม. (ครึ่งหนึ่งของที่เคยมี)
ผมเห็นว่าสิ่งที่ควรทำที่สุดในขณะนี้ คือ การจัดตั้ง War Room เพื่อการเผชิญเหตุภัยแล้งในขั้นวิกฤต จากประสบการณ์ในฐานะผู้จัดตั้งศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติและเป็นผู้อำนวย การเองอยู่ถึงสองรัฐบาล ผมขอคาดการณ์เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในหน้าแล้งหน้า ดังนี้
1. ไม่อาจทำการเกษตรอะไรได้เลย (หรือทำได้แต่น้อยมาก)
2. น้ำทะเลจะหนุนขึ้นมาสูงมากและจะเป็นปัญหาต่อคุณภาพของน้ำประปา (ทั้งกลิ่น รส และการล้างสบู่) และจะทำลายพืชสวนต่าง ๆ โดยเฉพาะในเขตจังหวัดนนทบุรี
3. น้ำตามคู คลอง ในกรุงเทพฯ จะเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็น มียุงชุกชม (เพราะไม่มีน้ำจืดมาขับไล่ลงทะเลเช่นเคย)
4. น้ำกินน้ำใช้ในชนบทจะขาดแคลนอย่างยิ่ง หนองน้ำซึ่งมีไว้ทำน้ำประปาชุมชนจะต้องหยุดกิจการ
5. น้ำเพื่อการอุตสาหกรรมจะขาดแคลนและจะหันไปใช้น้ำบาดาลแทน
6. การท่องเที่ยวอาจจะมีปัญหา เพราะจะมีข่าวว่าน้ำประปากรุงเทพฯ เหม็น ไม่สะอาด คูคลองต่าง ๆ น้ำเน่าเสียหมดและสนามกอล์ฟจำนวนมากจะเสียหายย่อยยับ
7. จะมีการแย่งชิงทะเลาะเบาะแว้งในหมู่ประชาชนในเรื่องน้ำกินน้ำใช้ (เหมือนตอนน้ำท่วมในเรื่องปิดเปิดประตูระบายน้ำ)
8. ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะลดลงต่ำมาก การคมนาคมทางเรือเหนืออยุธยา อาจทำไม่ได้ ส่วนแม่น้ำป่าสักจะมีอุปสรรคอย่างยิ่ง จนกระทบโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ทำให้ต้องใช้การขนส่งทางรถยนต์แทน ซึ่งจะสร้างความโกลาหลในถนนสายเอเชียมากพอสมควร
ที่พูดมาโดยสังเขปนี้ไม่ใช่แช่ง แต่เป็นห่วงมากจริง ๆ และเชื่อว่า ข้าราชการประจำก็อาจจะไม่กล้าพูดความจริง เพราะกลัวความดุของท่าน แต่มันจะเกิดขึ้นครับ
โดยส่วนตัวขออวยพรให้ท่านแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้สำเร็จ อะไรพอจะหยิบจับได้ ยินดีครับ แต่อย่าดุผมนะ เพราะตอนนี้ 70 ปี แล้ว
ขอย้ำว่า ภัยแล้งที่เกิดขึ้น (แน่ๆ) นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 ไปแล้วนี้ เกิดจากธรรมชาติบวกน้ำมือมนุษย์ คือ การเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ (Climate Change) ผสมเอลนีโน (El Nino) จึงไม่มีใครจะต่อว่ารัฐบาลได้ แต่ประชาชนทุกคนก็หวังว่ารัฐบาลจะเป็นที่พึ่ง หากรอดแต่สะบักสะบอมก็มีหวังโดนสวดแน่ๆ เหมือนกัน
ดูเพิ่มเติม
กินไข่ประจำ ไม่ได้มีผลร้ายอย่างที่เคยคิด!! ลองพิจารณา
Friday, November 6, 2015
ผลกระทบของการปิดประเทศ Dhanatchai Chatchai
ผลกระทบของการปิดประเทศ
Dhanatchai Chatchai
1.จะทำให้ขนาดของรายได้ประชาชาติลดลง โดยเฉพาะการค้าระหว่างประเทศในภาคของการส่งออกเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการขยายหรือเพิ่มขนาดรายได้ประชาชาติ ส่งผลไปยังรายได้ประชาชาติต่อบุคคลต่ำ และส่งต่อไปยังระบบเศรษฐกิจคือความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจถดถอยจนถึงระดับตกต่ำ
2.จะทำให้การเคลื่อนย้ายด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี่ และนวัตกรรม จากต่างประเทศ มาที่ประเทศลดลงหรือขาดตอนออกไป ส่งผลให้เกิดความล้าหลังในความเจริญก้าวหน้าในทุกๆด้านทุกๆส่วนของสังคมและประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่งผลให้เกิดความด้อยปัญญาและความรู้
3.จะทำให้ทุนและเงินทุนที่มีส่วนในการพัฒนาประเทศลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเคลื่อนย้ายทุน/เงินทุนระหว่างประเทศ จะมีการเคลื่อนย้ายทุน/เงินทุนจากภายในประเทศไปยังต่างประเทศ ส่งผลต่อตลาดเงินของประเทศ(โดยเฉพาะตลาดหุ้น) และการเคลื่อนย้ายทุน/เงินทุนจากต่างประเทศหดหายไป ส่งผลให้การลงทุนภายในประเทศทุกด้านเกิดความชะงักงัน
4.จะทำให้เกิดการอพยพของประชากรออกไปหรือลี้ภัยสู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะจะทำให้เกิดภาวะสมองไหล คือทรัพยากรบุคคลที่มีศักยภาพหรือขีดความสามารถสูงออกไปนอกประเทศหรือพำนักในต่างประเทศ
5.จะทำให้ต่างประเทศขาดความมั่นใจและไม่เชื่อถือประเทศ รัฐบาลที่ทำการบริหารปกครองประเทศ เนื่องจากการปิดประเทศบ่งบอกถึงเป็นรัฐเผด็จการโดยตรง นานาประเทศไม่ยอมรับ โดยเฉพาะเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่ต่างประเทศให้ความสำคัญ
6.จะส่งผลในทางอ้อมอย่างหนึ่งคือ เกิดอาชญากรรมไปทั่วประเทศอย่างแน่นอน เพราะผลมาจากการจ้างงานลดลงหรือไม่มีการจ้างงานเกิดขึ้น เนื่องมาจากไม่มีการลงทุนในภาคการผลิตคือ real sector และในภาคบริการ เป็นผลมาจากการขาดแคลนทุน/เงินทุนที่จะลงทุน ซึ่งเป็นส่วนทำให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบ ขาดผู้มีปัญญาในการสร้างโครงการต่างๆที่จะบริหารการพัฒนาประเทศ และการปิดประเทศไม่ได้เป็นสิ่งที่รับประกันว่าหลังจากปิดประเทศแล้วจะไม่มีเรื่องของฉ้อราษฎร์บังหลวง
พุทธศาสนา…เป็นศาสนาประจำชาติอิตาลี...แล้วครับ (รายงานจากสยาม)
พุทธศาสนา…เป็นศาสนาประจำชาติอิตาลี...แล้วครับ (รายงานจากสยาม)
ที่มา : ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.siamrath.co.th/Education.asp?ReviewID=89725
http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=buddhiststudies&id=61
ราวสิบกว่าปีมาแล้ว สื่อมวลชนในยุโรปได้แถลงกันยกใหญ่ว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่จะเติบโตเร็วที่สุดในสมัยศตวรรษที่ 21 เพราะเห็นว่ากระแสผู้นับถือเติบโตเร็วมากทั้งในทวีปยุโรป, ออสเตรเลีย และอเมริกาเหนือ ไม่ว่าฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, อังกฤษ, สเปน, ออสเตรเลีย ฯลฯ วัดวาอารามผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง คนเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการนำพระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศฝรั่งเหล่านี้แต่ไหน แต่ไรมาส่วนมากแล้วนับถือศาสนาคริสต์มาก่อน และกระแสชาวคริสต์หันมานับถือพระพุทธศาสนานี้ก็ก่อตัวอย่างต่อเนื่องมา ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19
ประเทศยุโรปบางแห่ง เช่น อิตาลีได้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ยกพระพุทธศาสนาให้เป็นหนึ่งในศาสนาสำคัญของชาติ ไม่ต่างอะไรกับศาสนาคริสต์
สมเด็จพระสันตปาปา จอห์น ปอล ที่สองซึ่งเป็นประมุขของคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก
ทรงมองเห็นกระแสดังกล่าว ครั้งได้ประทานสัมภาษณ์แก่วิตโดริโอ เมสซุรี่ นักเขียนและนักสื่อมวลชนที่มีชื่อของอิตาลี เมื่อ ค.ศ. 2536 อันเป็นช่วงที่มีการเฉลิมฉลองครบ 15 นับแต่ที่พระองค์ได้ ทรงรับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสันตปาปา จึงทรงตั้งพระทัยวิพากษ์วิจารณ์เนื้อหาพระพุทธศาสนาอย่างตรงๆ ต่อมาบทประทานสัมภาษณ์ซึ่งมีหลายตอนนี้มาพิมพ์รวมเล่มในรูปหนังสือชื่อ Crossing the Threshhold of Hope (London, Jonathan Cape, 1994) มีทั้งหมด 244 หน้า (รวมดรรชนีคำศัพท์)
ตอนที่ทรงวิพากษ์วิจารณ์คำสอนพระพุทธเจ้า (ซึ่งทรงเข้าพระทัยผิดๆ อยู่มาก) อยู่ในบทที่ 12 มีทั้งหมด 7 หน้า (ตั้งแต่หน้า 84-90)
สาเหตุที่ทรงวิจารณ์พระพุทธศาสนา มีกล่าวชัดในบทประทานสัมภาษณ์ กล่าวคือทรงต้อง การเตือนสติชาวคริสต์ทำนองว่าไม่ควรด่วนเข้าไปนับถือคำสอนพระพุทธศาสนา แต่ควรใช้วิจารณญาณ (For this reason, it is not inappropriate to caution those Christians who enthusiastically welcome certain ideas originating in the religious traditions of the Far East, pp.89-90) ที่เป็นดังนี้ เพราะกระแสคนหันมานับถือพระพุทธศาสนา และช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างแข็งขันในยุโรป ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมักเป็นชาวคริสต์มาก่อน หลายคนเคยเป็นบาทหลวงระดับสูง ต่อมาก็มีฝรั่งนักวิชาการชาวพุทธหลายคนทั้งพระ ทั้งฆราวาส ซึ่งเคยเป็นชาวคริสต์มาก่อน ได้เขียนตอบโต้พระองค์ลงวารสารต่างๆ มากมาย ที่โดดเด่นก็ คือ กลุ่มพระสงฆ์ชาวอิตาเลี่ยนในอิตาลี นำโดย พระฐานวโร ได้เข้าเฝ้าเพื่อทูลชี้แจงให้สมเด็จพระสันตปาปาทรงทราบด้วยซ้ำว่าทรงอธิบาย พระพุทธศาสนาผิดๆ
ยุโรปตอนนี้จึงเหมือนอินเดียครั้งพุทธกาล ศาสนาเดิมที่ผู้คนนับถือคือศาสนาพราหมณ์ แต่เมื่อพระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนาก็มีผู้เคยนับถือศาสนาพราหมณ์มานับถือ และขวนขวายเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นการใหญ่
ที่จริงแล้ว พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงเดือดเนื้อร้อนพระทัยว่าใครจะหันมานับถือศาสนาของ พระองค์หรือไม่ ทรงสอนให้ผู้ฟังเทศน์ของพระองค์รู้จักไตร่ตรองหาเหตุผลให้รอบคอบก่อนถึงจะ เชื่อ หลายคนที่หันมานับถือคำสอนของพระองค์เคยให้ความอุปถัมภ์ศาสนาอื่นมาก่อนก็มี พระองค์ก็ทรงแนะให้คนเหล่านี้กลับไปคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ มิหนำซ้ำพระองค์ยังคงแนะให้บรรดาผู้หันมานับถือพระพุทธศาสนาเหล่านี้ยังคง อุปถัมภ์บำรุงศาสนาอื่นๆ ที่ตนเคยนับถือตามปกติไปด้วย
แต่เดิม ศาสนาคริสต์ถูกลัทธิมาร์กซ์โจมตีอย่างรุนแรงมาร์กซ์ได้ประณามศาสนาว่า คือยาเสพติด เพราะสอนให้ประชาชนศรัทธาแบบหัวปักหัวปำโดยไม่ใช้ปัญญาไตร่ตรอง หลายอย่างขัดแย้งหลักวิทยาศาสตร์ เช่น โลกแบน, โลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ฯลฯ นักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบความจริงใหม่ ๆ หลายคนถูกศาสนจักรลงโทษจนตายในคุก แต่เมื่อพระพุทธศาสนาเข้าสู่ยุโรป พระพุทธศาสนาได้สอนให้ปัญญาชนชาวยุโรปได้เข้าใจความหมายของ Religion เสียใหม่ว่า ศาสนาของพระพุทธเจ้าคือคำสอน ซึ่งทรงสอนให้ผู้ฟังใช้ปัญญาพิจารณาอย่างถ่องแท้ก่อนจะปลงใจเชื่อ ไม่ใช่เทวโองการ (Gospel)จากพระเจ้าซึ่งแย้งไม่ได้ พระสงฆ์หรือพุทธสาวกก็มิใช่มิชชันนารี ซึ่งมีภารกิจหลักคือจาริกไปชี้ชวนให้ใครต่อใครมานับถือพระศาสนา พระสงฆ์หรือพุทธสาวกมีหน้าที่เพียงอธิบายคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ คนที่สนใจฟังเท่านั้น ใครไม่สนใจฟัง ชาวพุทธก็ไม่เคยใช้กฎหมายหรือรัฐธรรมนูญบังคับให้นับถือ ไม่เคยตั้งกองทุนให้การศึกษาฟรี แล้วสร้างเงื่อนไขให้ผู้รับทุนเปลี่ยนมาเป็นชาวพุทธ ไม่เคยสร้างที่พักอาศัยให้หรือแจกทานให้อาหารฟรีๆ แล้ววางเงื่อนไขให้คนมาขออาศัยตนต้องหันมานับถือศาสนาในภาวะจำยอม ขณะที่ศาสนาคริสต์ต้องใช้ความพยายาม อย่างหนักเพื่อดึงศรัทธาชาวยุโรปให้นับถือเหมือนเดิม ในเวลาเดียวกัน ก็พยายามแสวงหาผู้นับถือใหม่ๆ ในประเทศเอเชียให้มากยิ่งขึ้น การเผยแพร่หนังสือ "พลังชีวิต" ซึ่งจัดพิมพ์โดยมูลนิธิอาร์เธอร์ เอส เดอมอส ในประเทศไทยคือหนึ่งในความพยายามดังกล่าวนี้ ความใจกว้างและมีหลักคำสอนที่เป็นสัจธรรม เชิญชวนให้มาพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติเองและเน้นให้ใช้ปัญญาไตร่ตรองให้รอบคอบ ก่อนนับถือ ทำให้พระพุทธศาสนาได้รับการยอมรับจากวิญญูชนไปทั่วโลก นักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ดัง ๆ ระดับโลกจำนวนมาก เช่น โซเพน ฮาวเออร์, ไอน์สไตน์ ต่างหันมานับถือพระพุทธศาสนา นับแต่พระพุทธศาสนาเข้ายุโรปสมัยศตวรรษที่ 19 ก็มีงานวิจัยหลายชิ้นแสดงสถิติว่าคนยุโรปและอเมริกาชาติต่าง ๆ หันมาเข้าวัดในพระพุทธศาสนามากขึ้นบ้าง ประกาศตนเป็นพุทธมามกะมากขึ้นบ้าง สถานปฏิบัติธรรมทางพระพุทธศาสนาซึ่งรวมทั้งวัดวาอารามเพิ่มขึ้นที่นั่นที่ นี่ประจำบ้าง เดือน ธ.ค. ที่ผ่านมาก็มีข่าวออกมาอีกว่า ดาราฮอลลี้วูดอังกฤษ ชื่อ ออร์นันโด บลูม ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้แสดงนำในหนังเรื่อง The Lord of the Rings ได้ทำพิธีประกาศตนเป็นพุทธมามกะต่อหน้าสาธารณชนอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อย แล้ว ระหว่างทหารอเมริกันพยายามไล่บี้ทหารอิรักอย่างเมามันตามคำสั่งของ ประธานาธิบดีบุชไม่นานมานี้ ทหารอเมริกันคนหนึ่งนามว่า เจเรมี่ ฮินซ์แมน วัย 26 ปี ได้ตัดสินใจหนีทัพอเมริกาในอิรักไปปักหลักลี้ภัยในแคนาดา เขาให้เหตุผลว่าสงครามที่อเมริกาทำกับชาวอิรักเป็นสงครามผิดกฎหมาย ประเด็นที่น่าสนใจก็คือเขาเป็นชาวพุทธที่สนใจปฏิบัติธรรมคนหนึ่ง เขาให้สัมภาษณ์ว่าคำสอนพระพุทธศาสนาสอนให้เขาไม่อยากทำสงคราม เขาตั้งปฏิญาณว่าจะรับใช้ชาติหรือพิทักษ์ชาติจากการรุกรานของข้าศึกศัตรู แต่มิใช่ไปทำสงครามแบบก้าวร้าวต่อชาติอื่นดังที่ทหารอเมริกันกำลังทำอยู่ใน อิรักเวลานี้ผมได้ข่าวจากหนังสือพิมพ์ Lanka Daily News ในลังกาตั้งแต่ 23 ต.ค. ที่แล้วว่าปัจจุบันพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เติบโตเร็วที่สุดในแคนาดา ประเทศแคนาดาเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างที่สุดในอเมริกาเหนือ พระพุทธศาสนาเข้าแคนาดาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และมาบูมขึ้นตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 2503-2513 (1960s) เป็นต้นมา ช่วงนั้นมีการสำรวจพบว่าวัดชาวพุทธมีแค่ 18 วัด มีชาวแคนาดาปฏิบัติธรรมราวๆ 10,000 คน แต่เมื่อสำรวจผู้นับถือพระพุทธศาสนาอีกครั้งในพ.ศ. 2528 ชาวพุทธมีเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 คน หกปีหลังจากนั้นคือพ.ศ. 2534 รัฐบาลสำรวจคร่าวๆ อีกครั้งพบว่าผู้ประกาศตนเป็นพุทธมามกะมีเพิ่มเป็น
163,415 คน รัฐมาสำรวจครั้งล่าสุดอีกครั้ง เมื่อพ.ศ. 2544 พบว่าพุทธมามกะแท้ ๆ มีไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน แซงหน้าจำนวนผู้นับถือศาสนาฮินดูและศาสนาซิกข์ ซึ่งเคยตามหลัง จำนวนผู้นับถือยังเติบโตแบบก้าวกระโดดเช่นนี้ทุกปี
ผลสำรวจยังบอกว่าวัด, สถานที่ปฏิบัติธรรม หรือศูนย์กลางของชาวพุทธในแคนาดาตอนนี้มีเกือบๆ จะถึงหนึ่งพันแห่งทั่วประเทศ เมืองที่มีชาวพุทธมากที่สุดคือ ออนตาริโอ, บริติชโคลัมเบีย และควิเบก ข่าวยังลงด้วยว่าแม้จำนวนคนนับถือจะยังอยู่เรือนแสน แต่จำนวนผู้แสดงความสนใจและเริ่มศึกษาพระพุทธศาสนาบ้างแล้วมีหลายล้านคนทั่ว ประเทศ
เมื่อ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา โฆษกประจำรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กระพือข่าวว่า
องค์ทะไลลามะจะได้รับอนุญาตให้เข้ารัสเซีย หลังจากถูกแบนเพราะเกรงจะกระทบความสัมพันธ์กับจีน หลังจากรัสเซียเซ็นสัญญามิตรภาพกับจีน เมื่อ พ.ศ. 2544 แต่ชาวรัสเซียก็แสดงจุดยืนชัดเจน
ว่าองค์ทะไลลามะจะมาเยือนด้วยภารกิจศาสนา เมื่อกระแสประชาชนเรียกร้องหนักขึ้น รัสเซียก็ยอมอนุญาตให้ท่านเข้ารัสเซียแต่โดยดี ปลาย พ.ย.ที่ผ่านมา ท่านทะไลลามะจึงมีโอกาสแสดงธรรมโปรดพุทธบริษัทและประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ที่เมืองกัลมิเกีย ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมอสโกประมาณหนึ่งพันไมล์
ชาวรัสเซียหลายคนในเมืองนี้มีบรรพบุรุษเป็นชาวมองโกลซึ่งอพยพจากทางตะวันตก ของจีนเข้าสู่รัสเซียเมื่อราว 4 ร้อยกว่าปีมาแล้ว พระพุทธศาสนาที่นำเข้ามาจึงเป็น พระพุทธศาสนาแบบทิเบต ผลปรากฏว่า มีชาวพุทธและผู้สนใจทั่วๆ ไปชาวรัสเซียแห่กันมาฟังธรรมล้นหลามเป็นจำนวนหลายพันคน
ผู้สื่อข่าวรายงานลงใน Ireland Online ว่าจากจำนวนประชากรของเมืองนี้ ทั้งหมดราว 3 แสนคน ประมาณครึ่งหนึ่งนับถือพระพุทธศาสนา รัสเซียมีประชากรราว 144 ล้านคน ในจำนวนนี้มีราว 1 ล้านคน ที่ประกาศตนเป็นพุทธมามกะ
ผมดูภาพรวมพระพุทธศาสนาจากข่าวสารต่างๆ แล้วก็รู้สึกได้ว่าวัฒนธรรมแบบพุทธกำลังเติบโตและเบ่งบานในหลาย ๆ ประเทศของทวีปยุโรป, ออสเตรเลีย และอเมริกาบางแห่ง เช่น รัสเซียแม้จะเติบโตช้า แต่ปีที่กำลังจะผ่านไปนี้ก็เริ่มมีการติดต่อกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ผมคิดว่าปัญญาชนในประเทศทุนนิยมทั่วโลกเวลานี้คงเอือมระอากับ "ทุนนิยมเสรี" หรืออีกชื่อหนึ่งว่า กระแสโลกาภิวัตน์กันไม่น้อยและก็คงเห็นชัดเจนแล้วว่ามีแต่ศาสนาเท่านั้นที่ จะช่วยเปลี่ยนให้มนุษย์มีความเป็นผู้เป็นคน(ใจสูง) มากขึ้น ท่ามกลางกระแสสังคมที่มีแต่นายทุนจอมตะกละตะกรามแสวงหากำไรสูงสุดอยู่ทุก แห่ง ดังนั้น จึงเริ่มผ่อนปรนให้ผู้นำศาสนาทำงานได้สะดวกขึ้น